เจมส์ บอนด์ คืออะไร

เจมส์ บอนด์ () เป็นบทประพันธ์ชุดที่เน้นไปที่ตัวละคร เจมส์ บอนด์ สายลับของหน่วยข่าวกรองลับอังกฤษสมมติ สร้างโดยนักเขียน เอียน เฟลมมิง เมื่อปี ค.ศ. 1953 เขาเขียนให้ตัวละครดังกล่าวปรากฏอยู่ในนวนิยายสิบสองเล่มและหนังสือรวมเรื่องสั้นอีกสองเล่ม หลังจากเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1964 มีนักเขียนอีกแปดคนได้สิทธิ์ในการประพันธ์ เจมส์ บอนด์ ต่อ ได้แก่ คิงส์ลีย์ เอมิส, คริสโตเฟอร์ วูด, จอห์น การ์ดเนอร์, เรย์มอนด์ เบนสัน, เซบาสเตียน ฟอล์ค, เจฟฟรีย์ ดีฟเวอร์, วิลเลียม บอยด์และแอนโทนี โฮโรวิตซ์ นวนิยายเล่มล่าสุดคือ ฟอร์เอเวอร์แอนอะเดย์ โดยแอนโทนี โฮโรวิตซ์ วางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 นอกจากนี้ยังมีผลงานของ ชาร์ลี ฮิกสัน ในนวนิยายชุด ยังบอนด์ และ เคต เวสต์บรูค เขียนนวนิยายสามเล่มในรูปแบบไดอารีของตัวละคร มิสมันนีเพนนี

ตัวละคร—หรือรู้จักกันในรหัสลับ 007—ได้ถูกดัดแปลงออกมาเป็นละครโทรทัศน์, ละครวิทยุ, การ์ตูน, วิดีโอเกมและภาพยนตร์ โดยเป็นภาพยนตร์ชุดที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานที่สุดตลอดกาลและทำเงินมากกว่า 7.040 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก เป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่หก ภาพยนตร์ชุดนั้นเริ่มต้นจากภาพยนตร์ พยัคฆ์ร้าย 007 เมื่อปี ค.ศ. 1962 โดยมี ฌอน คอนเนอรี รับบทเป็นบอนด์ ณ ปี ค.ศ. มีภาพยนตร์บอนด์ฉายแล้วทั้งหมดยี่สิบสี่เรื่องของอีออนโปรดักชันส์ ภาพยนตร์บอนด์ล่าสุด องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย (ค.ศ.

  1. มี แดเนียล เคร็ก รับบทเป็นเจมส์ บอนด์ครั้งที่สี่และเป็นคนที่หกที่รับบทนี้ มีภาพยนตร์ที่ไม่ได้สร้างโดยอีออน ได้แก่ ทีเด็ดเจมส์บอนด์ 007 (ภาพยนตร์ตลกเสียดสี ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1967) และ พยัคฆ์เหนือพยัคฆ์ (ภาพยนตร์สร้างใหม่ของ ธันเดอร์บอลล์ 007 ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1983) ณ ปี ค.ศ. 2015 มีการประมาณการว่าแฟรนไชส์ เจมส์ บอนด์ นั้นมีมูลค่าประมาณ 19.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ1 ทำให้กลายเป็นหนึ่งในสื่อแฟรนไชส์ที่ทำเงินสูงสุด

ภาพยนตร์บอนด์มีชื่อเสียงในด้านคุณสมบัติหลายประการ รวมถึงดนตรีประกอบ โดยมีเพลงประกอบที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์หลายครั้งและคว้าสองรางวัล องค์ประกอบสำคัญอื่น ๆ ที่ปรากฏในภาพยนตร์ส่วนใหญ่ ได้แก่ รถของบอนด์, ปืนของเขาและอุปกรณ์ที่เขาจัดหาให้โดยแผนกคิว ภาพยนตร์ชุดยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของบอนด์กับผู้หญิงหลายคน ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "สาวบอนด์"

ประวัติการตีพิมพ์

การสร้างและแรงบันดาลใจ

เอียน เฟลมมิง สร้างตัวละครสมมติ เจมส์ บอนด์ ขึ้นมา เพื่อให้เป็นตัวละครศูนย์กลางสำหรับผลงานของเขา บอนด์เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองในสังกัดหน่วยข่าวกรองลับของอังกฤษ () หรือรู้จักในชื่อ เอ็มไอ6 () บอนด์เป็นที่รู้จักจากหมายเลขรหัสของเขา ก็คือ 007 และเคยเป็นทหารเรือในสังกัดราชนาวีสำรอง ยศนาวาโท เฟลมมิงสร้างตัวละครจากบุคคลมากมายที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตของเขา ช่วงที่เฟลมมิงกำลังปฏิบัติหน้าที่ในกองข่าวกรองทางทะเลและหน่วยจู่โจม 30 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เฟลมมิงยอมรับว่าบอนด์ "เป็นการผสมกันของสายลับและหน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกประเภทที่ผมพบในช่วงสงคราม"2 หนึ่งในนั้นคือ ปีเตอร์ พี่ชายของเอียน เฟลมมิง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เบื้องหลังในยุทธการที่ นอร์เวย์และกรีซ ในช่วงสงคราม3 นอกจากนี้ ยังมีบุคคลจำนวนหนึ่งที่ให้แง่มุมบางอย่างของการสร้างสรรค์บอนด์ ได้แก่ คอนราด โอไบรอัน-เฟรนช์, แพทริก แดลเซิล-จอบและบิลล์ "บิฟฟี" ดันเดอร์เดล4

ชื่อ เจมส์ บอนด์ นั้นมาจากชื่อนักปักษีวิทยาชาวอเมริกัน เจมส์ บอนด์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกแคริบเบียนและผู้เขียนคู่มือภาคสนาม ชื่อว่า นกของหมู่เกาะอินเดียตะวันตก เฟลมมิง ผู้เป็นนักดูนกตัวยง มีหนังสือคู่มือของบอนด์ และต่อมาเขาได้อธิบายให้ภรรยาของนักปักษีวิทยาฟังว่า "ผมคิดได้ว่าชื่อสั้น ๆ ที่ไม่โรแมนติก, แองโกล-แซกซอนและยังเป็นผู้ชายอยู่นั้นคือสิ่งที่ผมต้องการและเจมส์ บอนด์คนที่สองก็ถือกำเนิดขึ้น"5 เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า:

ในอีกโอกาสหนึ่ง เฟลมมิงกล่าวว่า: "ผมต้องการชื่อที่เรียบง่าย, น่าเบื่อที่สุดและชัดเจนที่สุดเท่าที่ผมจะหาได้ 'เจมส์ บอนด์' ดีกว่าชื่อที่น่าสนใจมากกว่า เช่น 'เพเรกริน คาร์รัทเธอร์ส' มาก สิ่งแปลกใหม่จะเกิดขึ้นกับรอบตัวเขา แต่เขาจะเป็นบุคคลที่เป็นกลาง—เป็นเครื่องมือที่ไม่เปิดเผยตัวและทื่อซึ่งถูกใช้โดยหน่วยงานของรัฐ"

[thumb|upright|โฮกี คาร์ไมเคิล—ลักษณะของเจมส์ บอนด์โดยเฟลมมิง](ไฟล์:Hoagy_Carmichael_-_1947.jpg "wikilink") เฟลมมิงตัดสินใจว่าบอนด์ควรมีลักษณะเหมือนนักร้องชาวอเมริกัน โฮกี คาร์ไมเคิลและตัวเขาเอง และใน คาสิโนรอยัล เวสเปอร์ ลินด์ ระบุว่า "บอนด์ทำให้ฉันนึกถึง โฮกี คาร์ไมเคิล มากกว่า แต่มีบางอย่างที่เยือกเย็นและโหดเหี้ยม" เช่นเดียวกันกับใน มูนเรเกอร์ กาลา แบรนด์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล คิดว่าบอนด์ "ดูดีอย่างแน่นอน ... ค่อนข้างเหมือน โฮกี คาร์ไมเคิล ในทางใดทางหนึ่ง ผมสีดำนั้นตกลงมาที่คิ้วขวา กระดูกก็เหมือนกัน แต่มีบางอย่างที่โหดร้ายอยู่ในปากและดวงตาก็เย็นชา"

นวนิยายและผลงานที่เกี่ยวข้อง

นวนิยายโดยเอียน เฟลมมิง

[thumb|right|200px| โกลเดนอาย, ที่จาเมกา, ที่เฟลมมิงเขียนนวนิยายเจมส์ บอนด์ทั้งหมด](ไฟล์:GoldeneyeEstate.jpg "wikilink") ในขณะที่ปฏิบัติราชการอยู่กับฝ่ายข่าวกรองของกองทัพเรือนั้น เฟลมมิงวางแผนที่จะเป็นนักเขียน6 และได้บอกเพื่อนของเขาว่า "ผมจะเขียนเรื่องราวสายลับเพื่อจบเรื่องสายลับทั้งหมด"7 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 เขาได้เริ่มต้นเขียนนวนิยายเจมส์ บอนด์เล่มแรก ในชื่อ คาสิโนรอยัล ที่ คฤหาสน์โกลเดนอายที่จาเมกา ซึ่งเป็นที่ ๆ เขาเขียนนวนิยายเจมส์ บอนด์ทั้งหมด ระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี หลังจากเริ่มเขียนได้ไม่นานนัก เฟลมิ่งก็แต่งงานกับ แอน ชาร์เตอร์ริส ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองจากการแต่งงานที่กำลังจะมาถึงของเขา

หลังจากพิมพ์ต้นฉบับของ คาสิโนรอยัล เสร็จแล้ว, เฟลมิ่งได้ให้เพื่อนของเขา วิลเลียม โฟลเมอร์ อ่าน ซึ่งโฟลเมอร์ชอบมันและได้ส่งไปยังสำนักพิมพ์ โจนาธาน เคป แต่ก็ไม่ค่อยจะชอบมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ได้ถูกตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1953 ซึ่งแนะนำโดย ปีเตอร์ เฟลมมิง, พี่ชายของเอียน เฟลมมิง ระหว่างปี ค.ศ. 1953 ถึง ค.ศ. 1966 และ 2 ปีหลังจากเสียชีวิต เฟลมมิงได้เขียนนวนิยายทั้งหมด 12 เล่มและรวมเรื่องสั้นอีก 2 เล่ม ซึ่ง 2 เล่มสุดท้ายนั้นใช้ชื่อว่า เดอะแมนวิตเดอะโกลเดนกัน และ ออกโตพุสซีแอนด์เดอะลิฟวิงเดย์ไลต์ส – ซึ่งตีพิมพ์หลังเฟลมมิงเสียชีวิตแล้ว ทุกเล่มตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ โจนาธาน เคป

<table> <tbody> <tr class="odd"> <td><ul> <li>1953 <em><a href="กาสิโนรอแยล" title="wikilink">Casino Royale</a></em><a href="#fn1" class="footnote-ref" id="fnref1" role="doc-noteref"><sup>1</sup></a></li> <li>1954 <em><a href="Live_and_Let_Die_(นวนิยาย)" title="wikilink">Live and Let Die</a></em><a href="#fn2" class="footnote-ref" id="fnref2" role="doc-noteref"><sup>2</sup></a></li> <li>1955 <em><a href="Moonraker_(นวนิยาย)" title="wikilink">Moonraker</a></em><a href="#fn3" class="footnote-ref" id="fnref3" role="doc-noteref"><sup>3</sup></a></li> <li>1956 <em><a href="Diamonds_Are_Forever_(นวนิยาย)" title="wikilink">Diamonds Are Forever</a></em><a href="#fn4" class="footnote-ref" id="fnref4" role="doc-noteref"><sup>4</sup></a></li> <li>1957 <em><a href="ฟรอมรัสเซีย,วิธ_เลิฟ" title="wikilink">From Russia, with Love</a></em><a href="#fn5" class="footnote-ref" id="fnref5" role="doc-noteref"><sup>5</sup></a></li> <li>1958 <em><a href="ด็อคเทอร์_โน" title="wikilink">Dr. No</a></em><a href="#fn6" class="footnote-ref" id="fnref6" role="doc-noteref"><sup>6</sup></a></li> <li>1959 <em><a href="โกลด์ฟิงเกอร์(นิยาย)" title="wikilink">Goldfinger</a></em><a href="#fn7" class="footnote-ref" id="fnref7" role="doc-noteref"><sup>7</sup></a></li> </ul></td> <td><ul> <li>1960 <em><a href="ฟอร์ยัวร์อายส์โอนลี" title="wikilink">For Your Eyes Only</a></em><a href="#fn8" class="footnote-ref" id="fnref8" role="doc-noteref"><sup>8</sup></a> (รวมเรื่องสั้น)</li> <li>1961 <em><a href="ธันเดอร์บอลล์_(นวนิยาย)" title="wikilink">Thunderball</a></em><a href="#fn9" class="footnote-ref" id="fnref9" role="doc-noteref"><sup>9</sup></a></li> <li>1962 <em><a href="The_Spy_Who_Loved_Me_(novel)" title="wikilink">The Spy Who Loved Me</a></em><a href="#fn10" class="footnote-ref" id="fnref10" role="doc-noteref"><sup>10</sup></a></li> <li>1963 <em><a href="On_Her_Majesty&#39;s_Secret_Service_(novel)" title="wikilink">On Her Majesty's Secret Service</a></em><a href="#fn11" class="footnote-ref" id="fnref11" role="doc-noteref"><sup>11</sup></a></li> <li>1964 <em>You Only Live Twice</em><a href="#fn12" class="footnote-ref" id="fnref12" role="doc-noteref"><sup>12</sup></a></li> <li>1965 <em>The Man with the Golden Gun</em><a href="#fn13" class="footnote-ref" id="fnref13" role="doc-noteref"><sup>13</sup></a></li> <li>1966 <em>Octopussy and The Living Daylights</em><a href="#fn14" class="footnote-ref" id="fnref14" role="doc-noteref"><sup>14</sup></a> (รวมเรื่องสั้น; "เดอะพรอเพอร์ตีออฟอะเลดี" เพิ่มเข้ามาในฉบับต่อ ๆ มา)</li> </ul></td> </tr> </tbody> </table> <section class="footnotes footnotes-end-of-document" role="doc-endnotes"> <hr /> <ol> <li id="fn1" role="doc-endnote"><a href="#fnref1" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn2" role="doc-endnote"><a href="#fnref2" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn3" role="doc-endnote"><a href="#fnref3" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn4" role="doc-endnote"><a href="#fnref4" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn5" role="doc-endnote"><a href="#fnref5" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn6" role="doc-endnote"><a href="#fnref6" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn7" role="doc-endnote"><a href="#fnref7" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn8" role="doc-endnote"><a href="#fnref8" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn9" role="doc-endnote"><a href="#fnref9" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn10" role="doc-endnote"><a href="#fnref10" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn11" role="doc-endnote"><a href="#fnref11" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn12" role="doc-endnote"><a href="#fnref12" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn13" role="doc-endnote"><a href="#fnref13" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn14" role="doc-endnote"><a href="#fnref14" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> </ol> </section>

นวนิยายหลังเฟลมมิง

หลังเฟลมมิงเสียชีวิต คิงส์ลีย์ เอมิส (ใช้นามปากกา โรเบิร์ต มาร์คแฮม) ได้แต่งนวนิยายบอนด์ต่อ ในชื่อ โคโลเนลซัน ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 19688 ก่อนหน้านี้ เขาเคยเขียนงานศึกษาวรรณกรรมของเฟลมมิงในชื่อ เดอะเจมส์ บอนด์ดอสซิเอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1965 ถึงแม้ว่าจะมีการตีพิมพ์นวนิยายที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์บอนด์ที่สร้างโดยอีออนโปรดักชันส์สองเรื่อง ได้แก่ เจมส์ บอนด์, เดอะสปายฮูเลิฟด์มี และ เจมส์ บอนด์แอนด์มูนเรเกอร์ เขียนโดยผู้เขียนบทภาพยนตร์ คริสโตเฟอร์ วูด9 นวนิยายชุดก็ไม่ได้มีการเขียนต่อ จนกระทั่งทศวรรษ 1980 ใน ค.ศ. 1981 นักเขียนแนวระทึกขวัญ จอห์น การ์ดเนอร์ ได้เขียนนวนิยายบอนด์ในชื่อ ไลเซนซ์รีนิวด์ โดยการ์ดเนอร์ได้เขียนนวนิยายบอนด์ต่อเนื่อง รวมทั้งหมดสิบหกเล่ม โดยมีสองเรื่องที่เขาเขียนนั้นเป็นการดัดแปลงจากภาพยนตร์ 007 รหัสสังหาร และ พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก การ์ดเนอร์ได้พานวนิยายชุดบอนด์เข้าสู่ทศวรรษ 1980 ถึงแม้ว่าเขายังคงให้ตัวละครอายุเท่าเดิมเมื่อตอนที่เฟลมมิงทิ้งพวกเขาเอาไว้ ในปี ค.ศ. 1996 การ์ดเนอร์เลิกเขียนนวนิยายบอนด์ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ10

<table> <tbody> <tr class="odd"> <td><ul> <li>1981 <em>Licence Renewed</em><a href="#fn1" class="footnote-ref" id="fnref1" role="doc-noteref"><sup>1</sup></a></li> <li>1982 <em><a href="For_Special_Services" title="wikilink">For Special Services</a></em><a href="#fn2" class="footnote-ref" id="fnref2" role="doc-noteref"><sup>2</sup></a></li> <li>1983 <em><a href="Icebreaker_(novel)" title="wikilink">Icebreaker</a></em><a href="#fn3" class="footnote-ref" id="fnref3" role="doc-noteref"><sup>3</sup></a></li> <li>1984 <em><a href="Role_of_Honour" title="wikilink">Role of Honour</a></em><a href="#fn4" class="footnote-ref" id="fnref4" role="doc-noteref"><sup>4</sup></a></li> <li>1986 <em><a href="Nobody_Lives_for_Ever" title="wikilink">Nobody Lives for Ever</a></em><a href="#fn5" class="footnote-ref" id="fnref5" role="doc-noteref"><sup>5</sup></a></li> <li>1987 <em><a href="No_Deals,_Mr._Bond" title="wikilink">No Deals, Mr. Bond</a></em><a href="#fn6" class="footnote-ref" id="fnref6" role="doc-noteref"><sup>6</sup></a></li> <li>1988 <em><a href="Scorpius_(novel)" title="wikilink">Scorpius</a></em><a href="#fn7" class="footnote-ref" id="fnref7" role="doc-noteref"><sup>7</sup></a></li> <li>1989 <em><a href="Win,_Lose_or_Die" title="wikilink">Win, Lose or Die</a></em><a href="#fn8" class="footnote-ref" id="fnref8" role="doc-noteref"><sup>8</sup></a></li> </ul></td> <td><ul> <li>1989 <em>Licence to Kill</em><a href="#fn9" class="footnote-ref" id="fnref9" role="doc-noteref"><sup>9</sup></a> (ดัดแปลงจากภาพยนตร์)</li> <li>1990 <em><a href="Brokenclaw" title="wikilink">Brokenclaw</a></em><a href="#fn10" class="footnote-ref" id="fnref10" role="doc-noteref"><sup>10</sup></a></li> <li>1991 <em><a href="The_Man_from_Barbarossa" title="wikilink">The Man from Barbarossa</a></em><a href="#fn11" class="footnote-ref" id="fnref11" role="doc-noteref"><sup>11</sup></a></li> <li>1992 <em><a href="Death_Is_Forever" title="wikilink">Death Is Forever</a></em><a href="#fn12" class="footnote-ref" id="fnref12" role="doc-noteref"><sup>12</sup></a></li> <li>1993 <em><a href="Never_Send_Flowers" title="wikilink">Never Send Flowers</a></em><a href="#fn13" class="footnote-ref" id="fnref13" role="doc-noteref"><sup>13</sup></a></li> <li>1994 <em><a href="SeaFire" title="wikilink">SeaFire</a></em><a href="#fn14" class="footnote-ref" id="fnref14" role="doc-noteref"><sup>14</sup></a></li> <li>1995 <em>GoldenEye</em><a href="#fn15" class="footnote-ref" id="fnref15" role="doc-noteref"><sup>15</sup></a> (ดัดแปลงจากภาพยนตร์)</li> <li>1996 <em><a href="โคลด์_(นวนิยาย)" title="wikilink">Cold</a></em><a href="#fn16" class="footnote-ref" id="fnref16" role="doc-noteref"><sup>16</sup></a></li> </ul></td> </tr> </tbody> </table> <section class="footnotes footnotes-end-of-document" role="doc-endnotes"> <hr /> <ol> <li id="fn1" role="doc-endnote"><a href="#fnref1" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn2" role="doc-endnote"><a href="#fnref2" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn3" role="doc-endnote"><a href="#fnref3" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn4" role="doc-endnote"><a href="#fnref4" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn5" role="doc-endnote"><a href="#fnref5" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn6" role="doc-endnote"><a href="#fnref6" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn7" role="doc-endnote"><a href="#fnref7" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn8" role="doc-endnote"><a href="#fnref8" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn9" role="doc-endnote"></li> <li id="fn10" role="doc-endnote"><a href="#fnref10" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn11" role="doc-endnote"><a href="#fnref11" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn12" role="doc-endnote"><a href="#fnref12" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn13" role="doc-endnote"><a href="#fnref13" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn14" role="doc-endnote"><a href="#fnref14" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn15" role="doc-endnote"></li> <li id="fn16" role="doc-endnote"><a href="#fnref16" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> </ol> </section>

ในปี พ.ศ. 2539 นักเขียนชาวอเมริกัน เรย์มอนด์ เบ็นสัน กลายเป็นนักเขียนนวนิยายบอนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยเขียนหนังสือ The James Bond Bedside Companion, ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 252711 จนถึงปี พ.ศ. 2545 ก็หยุดเขียน โดยเบ็นสันเขียนนวนิยายบอนด์ทั้งหมด 6 เล่ม, นิยายอีก 3 เล่มและเรื่องสั้นอีก 3 เรื่อง12

<table> <tbody> <tr class="odd"> <td><ul> <li>2540 "<a href="James_Bond_uncollected_short_stories#&quot;Blast_from_the_Past&quot;" title="wikilink">Blast From the Past</a>" (เรื่องสั้น)</li> <li>2540 <em><a href="Zero_Minus_Ten" title="wikilink">Zero Minus Ten</a></em><a href="#fn1" class="footnote-ref" id="fnref1" role="doc-noteref"><sup>1</sup></a></li> <li>2540 <em><a href="Tomorrow_Never_Dies" title="wikilink">Tomorrow Never Dies</a></em><a href="#fn2" class="footnote-ref" id="fnref2" role="doc-noteref"><sup>2</sup></a> (ดัดแปลงจากภาพยนตร์เป็นนวนิยาย)</li> <li>2541 <em><a href="The_Facts_of_Death" title="wikilink">The Facts of Death</a></em><a href="#fn3" class="footnote-ref" id="fnref3" role="doc-noteref"><sup>3</sup></a></li> <li>2542 "<a href="James_Bond_uncollected_short_stories#&quot;Midsummer_Night&#39;s_Doom&quot;" title="wikilink">Midsummer Night's Doom</a>" (เรื่องสั้น)</li> <li>2542 "<a href="James_Bond_uncollected_short_stories#&quot;Live_at_Five&quot;" title="wikilink">Live at Five</a>" (เรื่องสั้น)</li> </ul></td> <td><ul> <li>2542 <em><a href="The_World_Is_Not_Enough" title="wikilink">The World Is Not Enough</a></em><a href="#fn4" class="footnote-ref" id="fnref4" role="doc-noteref"><sup>4</sup></a> (ดัดแปลงจากภาพยนตร์เป็นนวนิยาย)</li> <li>2542 <em><a href="High_Time_to_Kill" title="wikilink">High Time to Kill</a></em><a href="#fn5" class="footnote-ref" id="fnref5" role="doc-noteref"><sup>5</sup></a></li> <li>2543 <em><a href="DoubleShot" title="wikilink">DoubleShot</a></em><a href="#fn6" class="footnote-ref" id="fnref6" role="doc-noteref"><sup>6</sup></a></li> <li>2544 <em><a href="Never_Dream_of_Dying" title="wikilink">Never Dream of Dying</a></em><a href="#fn7" class="footnote-ref" id="fnref7" role="doc-noteref"><sup>7</sup></a></li> <li>2545 <em><a href="The_Man_with_the_Red_Tattoo" title="wikilink">The Man with the Red Tattoo</a></em><a href="#fn8" class="footnote-ref" id="fnref8" role="doc-noteref"><sup>8</sup></a></li> <li>2545 <em><a href="Die_Another_Day" title="wikilink">Die Another Day</a></em><a href="#fn9" class="footnote-ref" id="fnref9" role="doc-noteref"><sup>9</sup></a> (ดัดแปลงจากภาพยนตร์เป็นนวนิยาย)</li> </ul></td> </tr> </tbody> </table> <section class="footnotes footnotes-end-of-document" role="doc-endnotes"> <hr /> <ol> <li id="fn1" role="doc-endnote"><a href="#fnref1" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn2" role="doc-endnote"></li> <li id="fn3" role="doc-endnote"><a href="#fnref3" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn4" role="doc-endnote"></li> <li id="fn5" role="doc-endnote"><a href="#fnref5" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn6" role="doc-endnote"><a href="#fnref6" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn7" role="doc-endnote"><a href="#fnref7" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn8" role="doc-endnote"><a href="#fnref8" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn9" role="doc-endnote"></li> </ol> </section>

หลังจากผ่านไปหกปี เซบาสเตียน ฟอล์ค ได้รับมอบหมายจากสำนักพิมพ์เอียน เฟลมมิง ให้เขียนนวนิยายบอนด์ใหม่ วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ในวาระครบรอบ 100 ปี วันเกิดของเอียน เฟลมมิง13 ในชื่อ เดวิลเมย์แคร์ ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แพนกวินบุกในสหราชอาณาจักรและสำนักพิมพ์ดับเบิลเดย์ในสหรัฐอเมริกา14 ต่อมา นักเขียนชาวอเมริกัน เจฟฟรีย์ ดีฟเวอร์ ได้รับมอบหมายจากสำนักพิมพ์เอียน เฟลมมิง ให้เขียนนวนิยายบอนด์ในชื่อ พลิกแผนเพชฌฆาต (Carte Blanche) วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 201115 ในนวนิยาย บอนด์เป็นสายลับหลังเหตุการณ์ 9/11 และไม่สังกัด MI5 หรือ MI616 นวนิยายชื่อ เดิมพันดับแค้น (Solo) โดย วิลเลียม บอยด์ ดำเนินเรื่องในปี ค.ศ. 1969 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 201317 ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 มีการประกาศว่า แอนโทนี โฮโรวิตซ์ จะเป็นนักเขียนนวนิยายบอนด์ต่อ18 นวนิยายชื่อ ทริกเกอร์มอร์ทิส วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2015 ดำเนินเรื่องหลังเหตุการณ์ใน โกลด์ฟิงเกอร์ สองสัปดาห์ มีเนื้อหาที่เขียนโดยเฟลมมิง แต่ยังไม่เคยได้รับการเผยแพร่192021 นวนิยายบอนด์เล่มที่สองของโฮโรวิตซ์ ฟอร์เอฟเวอร์แอนด์อะเดย์ เล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของบอนด์ ในฐานะสายลับดับเบิลโอก่อนเหตุการณ์ใน คาสิโนรอแยล นวนิยายเรื่องนี้ยังอิงจากเนื้อหาที่ไม่ได้เผยแพร่จากเฟลมมิง วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 20182223

<table> <tbody> <tr class="odd"> <td><ul> <li>2008 <em><a href="เดวิลเมย์แคร์_(นวนิยาย)" title="wikilink">เดวิลเมย์แคร์</a></em></li> <li>2011 <em><a href="พลิกแผนเพชฌฆาต" title="wikilink">พลิกแผนเพชฌฆาต</a></em></li> <li>2013 <em><a href="เดิมพันดับแค้น" title="wikilink">เดิมพันดับแค้น</a></em></li> </ul></td> <td><ul> <li>2015 <em><a href="ทริกเกอร์มอร์ทิส" title="wikilink">ทริกเกอร์มอร์ทิส</a></em></li> <li>2018 <em><a href="ฟอร์เอฟเวอร์แอนด์อะเดย์_(นวนิยาย)" title="wikilink">ฟอร์เอฟเวอร์แอนด์อะเดย์</a></em></li> </ul></td> </tr> </tbody> </table>

พยัคฆ์ร้ายวัยทีน

พยัคฆ์ร้ายวัยทีน (Young Bond) เป็นนิยายชุด แต่งโดย ชาร์ลี ฮิกสัน24 โดยวางจำหน่ายระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2552 รวมทั้งหมด 5 เล่มและเรื่องสั้น 1 เรื่อง25 โดยเล่มแรกมีชื่อว่า แผนลับพันธุ์พิฆาต (SilverFin) ซึ่งต่อมาได้ดัดแปลงเป็นนิยายภาพและวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โดยสำนักพิมพ์ พัฟฟิน บุ๊ค26 สำหรับประเทศไทยลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ และแปลโดยเอื้อนทิพย์ พีระเสถียร

<table> <tbody> <tr class="odd"> <td><ul> <li>2005 <em>แผนลับพันธุ์พิฆาต</em> (SilverFin)<a href="#fn1" class="footnote-ref" id="fnref1" role="doc-noteref"><sup>1</sup></a></li> <li>2006 <em><a href="Blood_Fever" title="wikilink">Blood Fever</a></em><a href="#fn2" class="footnote-ref" id="fnref2" role="doc-noteref"><sup>2</sup></a></li> <li>2007 <em><a href="Double_or_Die" title="wikilink">Double or Die</a></em><a href="#fn3" class="footnote-ref" id="fnref3" role="doc-noteref"><sup>3</sup></a></li> <li>2007 <em><a href="Hurricane_Gold" title="wikilink">Hurricane Gold</a></em><a href="#fn4" class="footnote-ref" id="fnref4" role="doc-noteref"><sup>4</sup></a></li> <li>2008 <em><a href="By_Royal_Command" title="wikilink">By Royal Command</a></em><a href="#fn5" class="footnote-ref" id="fnref5" role="doc-noteref"><sup>5</sup></a> &amp; <em>SilverFin</em><a href="#fn6" class="footnote-ref" id="fnref6" role="doc-noteref"><sup>6</sup></a> (นิยายภาพ)</li> <li>2009 "<a href="James_Bond_uncollected_short_stories#&quot;A_Hard_Man_to_Kill&quot;" title="wikilink">A Hard Man to Kill</a>"<a href="#fn7" class="footnote-ref" id="fnref7" role="doc-noteref"><sup>7</sup></a> (เรื่องสั้น)</li> </ul></td> </tr> </tbody> </table> <section class="footnotes footnotes-end-of-document" role="doc-endnotes"> <hr /> <ol> <li id="fn1" role="doc-endnote"><a href="#fnref1" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn2" role="doc-endnote"><a href="#fnref2" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn3" role="doc-endnote"><a href="#fnref3" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn4" role="doc-endnote"><a href="#fnref4" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn5" role="doc-endnote"><a href="#fnref5" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn6" role="doc-endnote"><a href="#fnref6" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn7" role="doc-endnote"><a href="#fnref7" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> </ol> </section>

เดอะ มันนีเพนนี ไดอารีส์

เดอะ มันนีเพนนี ไดอารีส์ (The Moneypenny Diaries) เป็นนิยายไตรภาค เกี่ยวกับชีวิตของ มิสมันนีเพนนี, เลขานุการส่วนตัวของเอ็ม, เขียนโดย ซาแมนธา เวนเบิร์ก ภายใต้นามปากกา เคต เวสต์บรูค27 เล่มแรกใช้ชื่อว่า Guardian Angel, วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ที่สหราชอาณาจักร28 เล่มที่สองใช้ชื่อว่า Secret Servant วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 โดยสำนักพิมพ์ จอห์น เมอร์เรย์29 และเล่มที่สามใช้ชื่อว่า Final Fling วางจำหน่ายเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 255130

<table> <tbody> <tr class="odd"> <td><ul> <li>2005 <em><a href="The_Moneypenny_Diaries:_Guardian_Angel" title="wikilink">The Moneypenny Diaries: Guardian Angel</a></em><a href="#fn1" class="footnote-ref" id="fnref1" role="doc-noteref"><sup>1</sup></a></li> <li>2006 <em><a href="Secret_Servant:_The_Moneypenny_Diaries" title="wikilink">Secret Servant: The Moneypenny Diaries</a></em><a href="#fn2" class="footnote-ref" id="fnref2" role="doc-noteref"><sup>2</sup></a></li> <li>2008 <em><a href="The_Moneypenny_Diaries:_Final_Fling" title="wikilink">The Moneypenny Diaries: Final Fling</a></em><a href="#fn3" class="footnote-ref" id="fnref3" role="doc-noteref"><sup>3</sup></a></li> </ul></td> </tr> </tbody> </table> <section class="footnotes footnotes-end-of-document" role="doc-endnotes"> <hr /> <ol> <li id="fn1" role="doc-endnote"><a href="#fnref1" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn2" role="doc-endnote"><a href="#fnref2" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> <li id="fn3" role="doc-endnote"><a href="#fnref3" class="footnote-back" role="doc-backlink">↩︎</a></li> </ol> </section>

การดัดแปลง

โทรทัศน์

เมื่อปี ค.ศ. 1954 ซีบีเอส จ่ายเงินให้กับเอียน เฟลมมิงจำนวน $1,000 (ประมาณ $ เทียบกับค่าเงินดอลลาร์ในปี ค.ศ. ) เพื่อดัดแปลง คาสิโนรอยัล นวนิยายของเขาเป็น การผจญภัยบนโทรทัศน์ความยาวหนึ่งชั่วโมง ส่วนหนึ่งของรายการโทรทัศน์ ไคลแมกซ์! ตอนดังกล่าวออกอากาศสดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1954 แสดงนำโดย แบร์รี เนลสัน เป็น "การ์ดเซนส์" เจมส์ บอนด์ และ ปีเตอร์ ลอร์รี เป็น เลอ ชีฟร์ นวนิยายถูกดัดแปลงให้เหมาะกับผู้ชมชาวอเมริกัน โดยให้บอนด์เป็นสายลับชาวอเมริกัน ทำงานให้กับ "คอมไบน์ดอินเทลลิเจนซ์" ขณะที่ตัวละคร เฟลิกซ์ ไลเทอร์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันในนวนิยาย กลายเป็นชาวอังกฤษและถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "แคลเรนซ์ ไลเทอร์"

เมื่อปี ค.ศ. 1973 สารคดีของบีบีซี ชื่อว่า ออมนิบัส: เดอะบริติชฮีโร แสดงนำโดย คริสโตเฟอร์ คาเซโนฟ เป็นตัวละครหลายตัว (เช่น ริชาร์ด แฮนเนย์และบลูด็อก ดรัมมอนด์) ในสารคดีมีเจมส์ บอนด์ ในฉากที่มาจากนวนิยาย โกลด์ฟิงเกอร์ ซึ่งเป็นฉากที่บอนด์ถูกจับแล้วกำลังจะโดนเลี่อยโดยเลื่อยวงเดือน (ซึ่งในภาพยนตร์นั้นใช้แสงเลเซอร์) และภาพยนตร์ 007 เพชรพยัคฆราช31 ในปี ค.ศ. 1991 รายการโทรทัศน์การ์ตูนสำหรับเด็กชื่อว่า เจมส์ บอนด์ จูเนียร์ ให้เสียงโดย คอรีย์ เบอร์ตัน ในบทหลานชายของบอนด์ ซึ่งชื่อ เจมส์ บอนด์ เหมือนกัน32

วิทยุ

การ์ตูน

ภาพยนตร์

ภาพยนตร์ที่สร้างโดยอีออนโปรดักชันส์

thumb|250px|right|ภาพของผู้รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ ในภาพยนตร์บอนด์ที่สร้างโดยอีออนโปรดักชัน ได้แก่ ฌอน คอนเนอรี, จอร์จ เลเซนบี, โรเจอร์ มัวร์, ทิโมธี ดาลตัน, เพียร์ซ บรอสแนนและแดเนียล เคร็ก

อีออนโปรดักชันส์ ก่อตั้งโดยแฮรรี ซอลต์ซแมนและอัลเบิร์ต อาร์. บรอคโคลี สร้างภาพยนตร์บอนด์เรื่องแรก พยัคฆ์ร้าย 007 ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1962 ซึ่งดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของเอียน เฟลมมิง เมื่อปี ค.ศ. 1958 โดยมี ฌอน คอนเนอรี รับบทเป็น เจมส์ บอนด์33 คอนเนอรีแสดงเป็นบอนด์ในภาพยนตร์อีกสี่เรื่อง ก่อนที่เขาจะประกาศเลิกรับบท หลังแสดงใน จอมมหากาฬ 007 (ค.ศ. 1967)34 ทำให้ จอร์จ เลเซนบี ได้รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ แทนใน 007 ยอดพยัคฆ์ราชินี (ค.ศ. 1969)35 เลเซนบีเลิกรับบทบอนด์ หลังแสดงได้แค่ภาพยนตร์เรื่องเดียว และได้นำตัวคอนเนอรีกลับมารับบทเดิมอีกครั้งใน 007 เพชรพยัคฆราช (ค.ศ. 1971) ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของเขาที่แสดงให้ภาพยนตร์บอนด์ที่สร้างโดยอีออนโปรดักชัน

โรเจอร์ มัวร์ ได้รับคัดเลือกรับบทเป็นบอนด์ใน พยัคฆ์มฤตยู 007 (ค.ศ. 1973) เขาแสดงเป็นบอนด์ใ���ภาพยนตร์อีกหกเรื่องในช่วงระยะเวลาสิบสองปี ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย ทิโมธี ดาลตัน ซึ่งแสดงเป็นบอนด์ในภาพยนตร์สองเรื่อง หลังจากนั้นภาพยนตร์ชุดก็หยุดพักไปหกปี เนื่องจากมีข้อพิพาททางด้านกฎหมาย นักแสดงชาวไอริช เพียร์ซ บรอสแนน ได้รับคัดเลือกรับบทเป็นบอนด์ใน พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก (ค.ศ.

  1. เขาแสดงเป็นบอนด์ในภาพยนตร์อีกสามเรื่อง ก่อนจะประกาศเลิกรับบทในปี ค.ศ. 2002 แดเนียล เคร็ก ได้รับคัดเลือกรับบทเป็นบอนด์ใน 007 พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก (ค.ศ. 2006) ซึ่งเป็นการรีบูตภาพยนตร์ชุด36 เขาแสดงเป็นบอนด์ในภาพยนตร์อีกสี่เรื่อง โดยเรื่องสุดท้ายของเขากำหนดฉายในปี ค.ศ. 202037 ภาพยนตร์ชุดทำเงินมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กลายเป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่หก (ตามหลัง จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล, สตาร์ วอร์ส, โลกเวทมนตร์, อเวนเจอร์ส และ สไปเดอร์-แมน)38 และเป็นหนึ่งภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดหากปรับค่าเงินตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว39
ชื่อเรื่องภาษาไทยชื่อเรื่องภาษาอังกฤษปีนักแสดงผู้กำกับ
พยัคฆ์ร้าย 007Dr. No1962rowspan = "5" align="center"|ฌอน คอนเนอรีrowspan = "2" align="center"|เทอเรนซ์ ยัง
เพชฌฆาต 007From Russia with Love1963
จอมมฤตยู 007Goldfinger1964rowspan = "1" align="center"|กาย แฮมิลตัน
ธันเดอร์บอลล์ 007Thunderball1965rowspan = "1" align="center"|เทอร์เรนซ์ ยัง
จอมมหากาฬ 007You Only Live Twice1967rowspan = "1" align="center"|ลูอิส กิลเบิร์ต
007 ยอดพยัคฆ์ราชินีOn Her Majesty's Secret Service1969rowspan = "1" align="center"|จอร์จ ลาเซนบีrowspan = "1" align="center"|ปีเตอร์ อาร์. ฮันต์
007 เพชรพยัคฆราชDiamonds Are Forever1971rowspan = "1" align="center"|ฌอน คอนเนอรีrowspan = "3" align="center"|กาย แฮมิลตัน
พยัคฆ์มฤตยู 007Live and Let Die1973rowspan = "7" align="center"|โรเจอร์ มัวร์
007 เพชฌฆาตปืนทองThe Man with the Golden Gun1974
007 พยัคฆ์ร้ายสุดที่รักThe Spy Who Loved Me1977rowspan = "2" align="center"|ลูอิส กิลเบิร์ต
007 พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆMoonraker1979
007 เจาะดวงตาเพชฌฆาตFor Your Eyes Only1981rowspan = "5" align="center"|จอห์น เกลน
007 เพชฌฆาตปลาหมึกยักษ์Octopussy1983
007 พยัคฆ์ร้ายพญายมA View to a Kill1985
007 พยัคฆ์สะบัดลายThe Living Daylights1987rowspan = "2" align="center"|ทิโมธี ดาลตัน
007 รหัสสังหารLicence to Kill1989
พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลกGoldenEye1995rowspan = "4" align="center"|เพียร์ซ บรอสแนนrowspan = "1" align="center"|มาร์ติน แคมป์เบลล์
007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตายTomorrow Never Dies1997rowspan = "1" align="center"|โรเจอร์ สปอร์ติสวูด
007 พยัคฆ์ร้ายดับแผนครองโลกThe World Is Not Enough1999rowspan = "1" align="center"|ไมเคิล แอ็ปเต็ด
ดาย อนัทเธอร์ เดย์ 007 พยัคฆ์ร้ายท้ามรณะDie Another Day2002rowspan = "1" align="center"|ลี ทามาโฮรี
007 พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลกCasino Royale2006rowspan = "5" align="center"|แดเนียล เคร็กrowspan = "1" align="center"|มาร์ติน แคมป์เบลล์
007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลกQuantum of Solace2008rowspan = "1" align="center"|มาร์ค ฟอร์สเตอร์
พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007Skyfall2012rowspan = "2" align="center"|แซม เมนเดส
องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้ายSpectre2015
พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะNo Time to Die2021แครี โจจิ ฟูคูนากะ40

ภาพยนตร์ที่ไม่ได้สร้างโดยอีออน

ในปีพ.ศ. 2510 ทีเด็ดเจมส์บอนด์ 007 (Casino Royale) ได้ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ตลก ผู้แสดงเป็น เซอร์ เจมส์ บอนด์ คือ เดวิด นิเวน และเออร์ซูลา แอนเดรส รับบทเป็น เวสเปอร์ ลินด์ (เดวิด นิเวน เคยเป็นตัวเลือกแรกของเอียน เฟลมิ่ง เพื่อรับบทเจมส์ บอนด์ใน พยัคฆ์ร้าย 007 ของ อีโอเอ็น โปรดักชันส์ด้วย) ในปีพ.ศ. 2506 จากการตัดสินในชั้นศาลในลอนดอน อนุญาตให้ เควิน แม็คคลอรี สร้างฉบับรีเมคของ ธันเดอร์บอลล์ 007 (Thunderball) ในชื่อ พยัคฆ์เหนือพยัคฆ์ (Never Say Never Again) ซึ่งออกฉายในปีพ.ศ. 252641 โดยมีฌอน คอนเนอรี รับบทเป็นเจมส์ บอนด์ ในปีพ.ศ. 2540 โซนีคอร์โปเรชันได้ซื้อลิขสิทธิ์จากแม็คคลอรี ซึ่งไม่เปิดเผยราคา42 ซึ่งต่อมาก็ยกให้ MGM, โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 MGM ได้ประกาศว่าทางบริษัทได้สิทธิ์ในการจำหน่ายภาพยนตร์ พยัคฆ์เหนือพยัคฆ์ จากบริษัท ทาเลียฟิล์ม ของ Schwartzman43 ปัจจุบัน บริษัทอีโอเอ็น เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในการดัดแปลง นวนิยายบอนด์ของเอียน เฟลมิ่งทั้งหมด แต่เพียงผู้เดียว4445

ชื่อเรื่องภาษาไทยชื่อเรื่องภาษาอังกฤษปีนักแสดงผู้กำกับ
ทีเด็ดเจมส์บอนด์ 007Casino Royale1967เดวิด นิเวนเคน ฮิวจ์ส จอห์น ฮัสตัน โจเซฟ แม็คกราธ โรเบิร์ต พาร์ริช วาล เกสต์ ริชาร์ด ทาลแมดจ์
พยัคฆ์เหนือพยัคฆ์Never Say Never Again1983ฌอน คอนเนอรีเออร์วิน เคอร์เชอร์

เจมส์ บอนด์กับประเทศไทย

[thumb|250px|right|คริสโตเฟอร์ ลีกับโรเจอร์ มัวร์ ใน 007 เพชฌฆาตปืนทอง โดยมีฉากหลังเป็นเกาะตาปู](ไฟล์:Jamesbondtapu.jpg "wikilink")

ภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ เคยเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยสองครั้ง ได้แก่ 007 เพชฌฆาตปืนทอง ที่ เกาะพีพีและเกาะตาปูในจังหวัดพังงา หลังภาพยนตร์เรื่องนี้ฉาย ทำให้สถานที่ดังกล่าวมีชื่อเสียง จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เกาะเจมส์ บอนด์" ยังมีการถ่ายทำที่ คลองภาษีเจริญ, วัดนางชีโชติการาม, เวทีมวยลุมพินี, ถนนราชดำเนินผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในกรุงเทพมหานคร และ 007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย ถ่ายทำที่สินสาธร ทาวเวอร์ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร และจังหวัดภูเก็ต

เมื่อปี พ.ศ. 2523 มีภาพยนตร์ไทยล้อเลียนเจมส์ บอนด์ ชื่อว่า เจมส์แบน 007 กำกับโดย ชัย นิมิตโชตินัย แสดงนำโดย เทพ เทียนชัย, ล้อต๊อก, ศุภลักษณ์ อยู่เย็น, มนทิพย์ ชนินทรและมณีกานต์ นาคะเสโณ

เมื่อปี พ.ศ. 2533 เคยออกอากาศภาพยนตร์โทรทัศน์ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ชื่อ SPYMAKER: The Secret Life of Ian Fleming46 ประวัติการผจญภัยของเฟลมมิ่งในช่วงหนุ่มน้อยสายลับฝึกหัดที่มีอิทธิพลต่อการเขียนนิยายชุดเจมส์ บอนด์ ในเวลาต่อมา นำแสดงโดย เจสัน คอนเนอรี (Jason Connery) บุตรของ ณอน คอนเนอรี (ทั้งคู่เคยแสดงร่วมกันใน Robin and Marian เมื่อ พ.ศ.

เมื่อปี พ.ศ. 2534 "รายการท็อปเท็น" ทางช่อง 9 เคยนำเสนอซีรีส์สั้น ๆ เกี่ยวกับเจมส์ บอนด์ โดยนักแสดงชาวไทยที่รับบทเจมส์ บอนด์ คือ ธานินทร์ ทัพมงคล

เมื่อปี พ.ศ. 2545 นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเอานวนิยายชุดเจมส์ บอนด์ มาดัดแปลงเป็นละคอนถาปัด ซึ่งเป็นกิจกรรมละครเวทีประจำปีของนิสิต และใช้ชื่อว่า "พยัคฆ์(ลอง)ร้าย 007" โดยเล่าเรื่องภารกิจครั้งแรกของ เจมส์ บอนด์ ครั้งยังเป็นสายลับหนุ่มฝึกหัดของหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ โดยมีตัวละครจากซีรีส์ภาพยนตร์ชุด เจมส์ บอนด์ ภาคต่าง ๆ ปรากฏในท้องเรื่องหลายตัวละคร เช่น เอ็ม, มันนีเพ็นนี, คิว, เฟลิกซ์ ไลเทอร์, ดร.โน, อูริค โกลด์ฟิงเกอร์ และ เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ แสดงที่ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 10 รอบ ระหว่างวันที่ 17-19 และ 24-26 พฤษภาคม 2545

อ้างอิง

บรรณานุกรม

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

แหล่งที่มาดั้งเดิม: ${vars.title} แบ่งปันกับ ใบอนุญาต Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0

Footnotes

  1. secret life of Ian Fleming ,www.imdb.com

หมวดหมู่