เอสเอช-60 ซีฮอว์ก คืออะไร

เอสเอช-60/เอ็มเอช-60 ซีฮอว์ก () เป็นเฮลิคอปเตอร์หลากภารกิจที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์สองเครื่องยนต์ โดยมีพื้นฐานโครงสร้างมาจากยูเอช-60 แบล็กฮอว์กและเฮลิคอปเตอร์ตระกูลซิคอร์สกี้ เอส-70 การดัดแปลงที่เด่นชัดที่สุดคือที่ส่วนหางเพื่อลดรอยขูดขีดที่อาจเกิดขึ้นเมื่อลงจอดบนดาดฟ้าเรือ

กองทัพเรือสหรัฐใช้โครงสร้างของเอช-60 พัฒนารุ่นที่มีชื่อว่าเอสเอช-60บี เอสเอช-60เอฟ เอชเอช-60เอช เอ็มเอช-60อาร์ และเอ็มเอช-60เอส มันสามารถใช้ได้บนเรือฟริเกต เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน เรือสนับสนุนการรบ เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน ซีฮอว์กสามารถใช้ทำหน้าที่ในสงครามปราบเรือดำน้ำ สงครามใต้น้ำ สงครามทำลายกำลังพื้นผิว สงครามพิเศษทางน้ำ ภารกิจค้าหาและช่วยเหลือ การกิจค้นหาและช่วยเหลือการรบ การส่งกำลังเพิ่มเติมทางดิ่ง และการเคลื่อนย้ายคนเจ็บ

การออกแบบและการพัฒนา

ต้นกำเนิด

ในทศวรรษที่ 2513 กองทัพเรือสหรัฐได้เริ่มมองหาเฮลิคอปเตอร์แบบใหม่เพื่อเข้ามาแทนที่เอสเอช-2 ซีสไปรท์1 ซีสไปรท์นั้นถูกใช้เพื่อเป็นฐานให้กับระบบอเนกประสงค์ทางอากาศขนาดเบา เป็นระบบอิเลคทรอนิกอากาศสำหรับสงครามทางทะเลและมีความสามารถรองคือการค้าหนและช่วยเหลือ ด้วยความก้าวหน้าในเซ็นเซอร์และระบบอิเลคทรอนิกอากาศที่นำระบบดังกล่าวไปสู่รุ่นที่สอง แต่เอสเอช-2 ก็ไม่ใหญ่พอที่จะติดตั้งอุปกรณ์เหล่านั้นได้หมด ในกลางทศวรรษที่ 2513 กองทัพได้ประเมินซิคอร์สกี้ วายยูเอช-60 และโบอิง-เวอร์ทอล วายยูเอช-31 ในการแข่งขันหาอากาศยานขนส่งแบบใหม่2 กองทัพเรือมีความต้องการเดียวกับกองทัพบกเพื่อลดราคา3 ซิคอร์สกี้และโบอิง-เวอร์ทอลได้ยื่นข้อเสนอให้กับกองทัพเรือโดยเป็นรุ่นที่ดัดแปลงมาจากของกองทัพบกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2520 กองทัพเรือยังได้มองหาเฮลิคอปเตอร์ที่ผลิตโดยเบลล์ คาแมน เวสท์แลนด์ และเอ็มบีบี แต่ก็ล้วนมีขนาดเล็กเกินไป พอต้นปีพ.ศ. 2521 กองทัพเรือได้เลือกการออกแบบเอส-70บีของซิคอร์สกี้4 ซึ่งใช้ชื่อว่า"เอสเอช-60บี ซีฮอว์ก"

เอสเอช-60บี ซีฮอว์ก

thumb|ซีฮอว์กที่บินรอรับผู้บาดเจ็บที่ถูกหามมาบนเปล ทั้งหมดเป็นเพียงการซ้อมเท่านั้น เอสเอช-60บีนั้นมีความคล้ายคลึงกับยูเอช-60เอถึง 83%5 การเปลี่ยนแปลงหลักการป้องกันการกัดกร่อน เครื่องยนต์ที700 ที่ทรงพลังมากขึ้น เลื่อนตำแหน่งของล้อหลังไปด้านหน้า 13 ฟุต แทนที่ประตูด้านข้างด้วยโครงสร้างลำตัว และเพื่อจุดติดอาวุธเข้าไปสองตำแหน่ง การเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นๆ ก็มีทั้งเซลล์เชื้อเพลิงขนาดใหญ่ขึ้น ระบบับเก็บใบพัดด้วยไฟฟ้า ครีบหางที่พับเก็บได้ และท่อปล่อยกระบอกโซนาร์ 25 ท่อที่ด้านข้าง การเปลี่ยนตำแหน่งของล้อด้านหลังทำให้ลดรอยขูดขีดที่เกิดขึ้นเมื่อจอดลงบนดาดฟ้าเรือ6

มีวายเอสเอช-60บี ซีฮอว์ก แลมป์ส 3 ที่เป็นต้นแบบ 5 ลำถูกสั่งซื้อ วายเอสเอช-60บีทำการบินครั้งแรกในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2522 เอสเอช-60บีที่เป็นรุ่นผลิตนั้นทำการบินครั้งแรกในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 เอสเอช-60บีได้เข้าประจำการในปีพ.ศ. 2527 โดยใช้งานครั้งแรกในปีพ.ศ. 25287

เอสเอช-60บี แลมป์ส 3 จะถูกใช้บนเรือฟริเกต เรือพิฆาต และเรือลาดตระเวนเป็นหลัก ภารกิจหลักของมันคือสงครามทำลายกำลังพื้นผิวและการปราบเรือดำน้ำ

เอสเอช-60บีมีระบบเซ็นเซอร์ที่ซับซ้อนรวมทั้งเครื่องตรวจจับความผิดปกติของแม่เหล็กหรือแมด (Magnetic Anomaly Detector, MAD) และกระบอกโซนาร์ เซ็นเซอร์อื่นๆ รวมทั้งเรดาร์ค้นหาเอพีเอส-124 ระบบอีเอสเอ็ม เอแอลคิว-142 และป้อมอินฟราเรดส่วนหน้าตรงปลายจมูก มันบรรทุกตอร์ปิโดมาร์ก 46 มาร์ก 50 หรือมาร์ก 54 ขีปนาวุธเอจีเอ็ม-114 เฮลไฟร์ และปืนกล เอ็ม60/เอ็ม240 ขนาด 7.62 หรือปืนกลจีเอยู-16 ขนาด 12.7 ม.ม.

เอสเอช-60บีต้องการนักบินเพียงหนึ่งนายและผู้ควบคุมระบบการสงครามหรือเซ็นเซอร์อีกหนึ่งนาย

เอสเอช-60เจเป็นรุ่นหนึ่งของเอสเอช-60บีที่ผลิตมาเพื่อกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น เอสเอช-60เคเป็นรุ่นที่ดัดแปลงมาจากเอสเอช-60เจ เอสเอช-60เจและเคถูกสร้างขึ้นภายใต้ใบอนุญาตโดยอุตสาหกรรมิตซูบิชิในญี่ปุ่น89

เอสเอช-60เอฟ โอเชียนฮอว์ก

หลังจากที่เอสเอช-60บีได้เข้าประจำการ กองทัพเรือก็เริ่มทำการพัฒนาเอสเอช-60เอฟขึ้นมาเพื่อแทนที่เอสเอช-3 ซีคิง10 การพัฒนาเริ่มขึ้นเมื่อได้ทำสัญญากับซิคอร์สกี้เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2528 เอสเอช060บีแบบแรกๆ นั้นถูกดัดแปลงให้กลายเป็นรุ่นเอฟ บริษัทได้ผลิตรุ่นเอฟออกมา 7 ลำในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 และทำการบนทดสอบครั้งแรกในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 253011

เอสเอช-60เอฟทำหน้าที่ในหมวดเรือบรรทุกเครื่องบิน มันมีภารกิจหลักในสงครามปราบเรือดำน้ำและเป็นเฮลิคอปเตอร์ในการค้นหาและช่วยเหลือ มันจะล่าเรือดำน้ำด้วยการหย่อนโซนาร์เอเอ็น/เอคิวเอส-13 และมีโซนาร์กระบอก 14 กระบอก เอสเอช-60เอฟมีตอร์ปิโด มาร์ก 46 และปืนกลที่ประตู อาจเป็นเอ็ม60ดี เอ็ม240 หรือจีเอยู-16 มันมีนักบินหนึ่งนาย นักบินผู้ช่วยหนึ่งนาย ผู้ควบคุมเซ็นเซอร์ยุทธวิธีหนึ่งนาย และผู้ควบคุมเซ็นเซอร์เสียงอีกหนึ่งนาย

เอสเอช-60เอฟเข้าประจำการครั้ง���รกในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 253212 ฝูงบินเอสเอช-60เอฟจะเปลี่ยนมาใช้เอสเอช-60เอสในปีพ.ศ. 255213

เอชเอช-60เอช เรสคิวฮอว์ก

thumb|right|เอชเอช-60เอชพร้อมนักดำน้ำค้นหาและช่วยเหลือ

เอชเอช-60เอชทำการพัฒนาขึ้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2529 โดยในสัญญาจะผลิตออกมา 5 ลำ มันทำการบินครั้งแรกในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2531 เอชเอช-60เอชถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับเอชเอช-60 เจย์ฮอว์กของยามชายฝั่งสหรัฐ การส่งมอบเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2532 พวกมันเริ่มปฏิบัติการได้ในเดือนเมษายน พ.ศ. 253314

มันมีพื้นฐานมาจากเอสเอช-60เอฟ ทำให้มันมีหน้าที่หลักในการค้นหาและช่วยเหลือการรบ การรบพิเศษทางทะเล และสงครามทำลายกำลังพื้นผิว มันมีเซ็นเซอร์แบบรุกและป้องกันมากมาย จึงทำให้มันเป็นหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่รอดได้ดีที่สุดในโลก เซ็นเซอร์นั้นประกอบด้วยป้อมออนฟราเรดหน้าที่มีเลเซอร์ระบบุตำแหน่งและอุปกรณ์ช่วยชีวิต โดยมีเครื่องรบกวนอินฟราเรดเอเแอลคิว-144 เครื่องตรวจจับเลเซอร์เอวีอาร์-2 เครื่องตรวจจับเรดาร์เอพีอาร์-39(วี)2 เครื่องตรวจจับการปล่อยขีปนาวุธเอเออาร์-7 และเครื่องปล่อยพลุล่อเป้าเอแอลอี-47 นอกจากนี้แล้วมันยังได้รับการพัฒนาด้านโครงสร้างของตัวสะท้อนไอเสียเครื่องยนต์ที่จะลดความร้อนซึ่งขีปนาวุธติดตามความร้อนมักมองหา เอชเอช-60เอชสามารถติดตั้งขีปนาวุธเฮลไฟร์ได้ถึง 4 ลูกบนปีกโดยใช้เครื่องยิงแบบเอ็ม299 และยังมีหน้าต่างที่หลากหลายเพื่อติดตั้งปืนกลอย่างเอ็ม60ดี เอ็ม240 จีเอยู-16 และจีเอยู-17/เอ ลูกเรือจะประกอบด้วยนักบินหนึ่งนาย นักบินผู้ช่วยหนึ่งนาย และพลปืนประจำประตูสองนาย

เอ็มเอช-60เอส ไนท์ฮอว์ก

thumb|right|เอ็มเอช-60เอส ไนท์ฮอว์ก (MH-60S Knighthawk) ที่กำลังส่งกำลังเพิ่มเติมในแนวดิ่ง

กองทัพเรือได้ติดสินใจว่าจะแทนที่ซีเอช-46 ซีไนท์ของพวกเขาในปีพ.ศ. 2540 หลังจากมีการสาธิตยูเอช-60 ที่ถูกดัดแปลง กองทัพเรือก็ทำสัญญาให้มีการผลิตซีเอช-60 ในปีพ.ศ. 2541 มันทำการบินครั้งแรกในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2543 และเริ่มทำการบินทดสอบในปีต่อมา ซีเอช-60 ถูกตั้งชื่อใหม่ว่าเอ็มเอช-60เอสในเดือนมกราคม พ.ศ. 254415

เอ็มเอช-60เอสนั้นมีพื้นฐานมาจากยูเอช-60แอลและมีจุดเด่นมากมายจากเอสเอช-6016 มันถูกใช้งานบนเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกและเรือเร็วสนับสนุนการรบ มันมีสองภารกิจ คือ ขนส่งทหารและการส่งกำลังเพิ่มเติมในแนวดิ่ง แต่ก็สามารถทำหน้าที่ค้นหาและช่วยเหลือได้เช่นกัน เอ็มเอช-60เอสไม่มีเซ็นเซอร์ด้านการรุกแต่มีเครื่องรบกวนเรดาร์เอแอลคิว-144 ในอนาคตมันจะมีระบบตรวจหาทุ่นระเบิดเอคิวเอส-20เอและระบบตรวจหาทุ่นระเบิดเลเซอร์ทางอากาศสำหรับการระบุวัตถุที่ถูกฝังอยู่ใต้น้ำ รุ่นเอสนั้นเป็นเฮลิคอปเตอร์แบบแรกของกองทัพเรือสหรัฐที่ใช้ห้องนักบินแก้วซึ่งข้อมูลการบินจะถูกส่งให้กับนักบินผ่านทางหน้าจอดิจิตอลแทนที่จะใช้เกจ์ธรรมดา การป้องกันหลักของมันคือปืนกลเอ็ม60ดี เอ็ม240 หรือจีเอยู-17/เอ ปีกของมันมีพื้นฐานมาจากยูเอช-60แอลของกองทัพบกเพื่อติดตั้งขีปนาวุธเฮลไฟร์ ไฮดรา 70 หรืออาวุธที่ใหญ่กว่านั้น

เอ็มเอช-60เอสรู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการว่า"ไนท์ฮอว์ก" (Knighthawk) เพื่อสะท้อนการสืบทอดตำแหน่งจาก"ซีไนท์" (Sea Knight) แม้ว่าชื่อดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุมัติเพื่อมีชื่อ"ซีฮอว์ก"แล้ว1718 ลูกเรือของซีไนท์ประกอบด้วยนักบินหนึ่งนาย นักบินผู้ช่วยหนึ่งนาย และทหารอีกสองนายที่ขึ้นอยู่กับภารกิจ ฝูงบินที่ใช้เอ็มเอช-60เอสถูกตั้งชื่อใหม่เป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีทางทะเล (Helicopter Sea Combat, HSC)19

มันไม่เหมือนกับเอช-60 ทั้งหมดของกองทัพเรือ เอ็มเอช-60เอสนั้นไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเอส-70บี/เอสเอช-60บีที่มันมีล้อคู่ด้านท้ายที่เยื้องไปทางด้านหน้าและประตูเลื่อนเพียงด้านเดียว แทนที่จะเป็นเช่นนั้นรุ่นเอสเป็นแบบผสม มันมีจุดเด่นที่โครงสร้างหลักของเอส-70เอ/ยูเอช-60 โดยมีประตูเลื่อนทั้งสองด้านและล้อเพียงอันเดียวที่เยื้องไปด้านหลัง และเครื่องยนต์กับใบพัดนั้นมาจากเอส-70บี/เอสเอช-6020

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 สาธารณรัฐเกาหลีได้ร้องของเอ็มเอช-60เอส 8 ลำ เครื่องยนต์จีอี ที700-401ซี 16 เครื่อง และระบบเซ็นเซอร์สัมพันธ์ ซึ่งจะขายในการขายทางกองทัพข้ามประเทศ 21

เอ็มเอช-60อาร์ ซีฮอว์ก

thumb|right|เอ็มเอช-60อาร์กำลังใช้โซนาร์

เดิมทีนั้นเอ็มเอช-60อาร์คือ"การพัฒนาแลมป์ส มาร์ก 3 บล็อก 2" (LAMPS Mark III Block II Upgrade) เมื่อมันเริ่มพัฒนาในปีพ.ศ. 2536 เอสเอช-60บีสองลำถูกดัดแปลงโดยซิคอร์สกี้เพื่อโครงการดังกล่าว เอสเอช-60 ลำแรกที่ถูกดัดแปลงทำการบินครั้งแรกในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2542 การดัดแปลงทำให้มันได้ชื่อว่าวายเอสเอช-60เอส มันถูกส่งมอบเพื่อทำการทดสอบในปีพ.ศ. 2544 แบบสำหรับการผลิตได้รับชื่อใหม่ว่าเอ็มเอช-60เอส22

เอ็มเอช-60อาร์ถูกออกแบบมาโดยผสมลักษณะเด่นของเอสเอช-60บีและเอสเอช-60เอฟ23 เซ็นเซอร์ของมันมีทั้งชุดเอเอสอี อินฟราเรดหน้า การเชื่อมโยงข้อมูลทางอากาศที่ก้าวหน้า และโซนาร์ทางอากาศแบบใหม่ มันไม่มีเครื่องตรวจจับความผิดปกติของแม่เหล็ก นักบินจะอยู่ในห้องนักบินแก้วแบบเดียวกับเอ็มเอช-60เอส ซึ่งใช้หน้าจอดิจิตอลแทนที่จะเป็นเกจ์วัด ความสามารถในการรุกของมันเพิ่มขึ้นโดยมีตอร์ปิโด มาร์ก 54 และขีปนาวุธเฮลไฟร์

รุ่นอาร์ทำการส่งมอบในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2548 และเริ่มทำการฝึกนักบิน ในปีพ.ศ. 2550 เอ็มเอช-60 ก็เข้าสู่การทดสอบสุดท้ายเพื่อเข้าทำงานในกองบิน เมื่อถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551 มันถูกส่งไปประจำการบนเรือยูเอสเอส จอห์น ซี. สเตนนิส ตามที่ล็อกฮีด มาร์ตินอ้าง "ภารกิจรองของมันคือการค้นหาและช่วยเหลือ การเพิ่มเติมกำลังในแนวดิ่ง การยิงสนับสนุนพื้วผิวทะเล การสนับสนุนทางจำนวน ยานลำเลียงพล การเคลื่อนย้ายคนเจ็บ และการสื่อสารและส่งข้อมูล"24

รุ่นต่างๆ

ในสหรัฐ

  • วายเอสเอช-60บี ซีฮอว์ก เป็นรุ่นในการพัฒนาที่ทำให้เกิดเอสเอช-60บี25
  • เอสเอช-60บี ซีฮอว์ก
  • เอ็นเอสเอช-60บี ซีฮอว์ก รุ่นหลักที่ใช้ในการบินทดสอบ 26
  • เอสเอช-60เอฟ โอเชียนฮอว์ก
  • เอ็นเอสเอช-60เอฟ ซีฮอว์ เอสเอช-60เอฟที่ถูกดัดแปลงเพื่อทำการสนับสนุนโครงการพัฒนาห้องนักบิน27
  • เอชเอช-60เอช เรสคิวฮอว์ก
  • วายเอสเอช-60อาร์ ซีฮอว์ก
  • เอ็มเอช-60อาร์ ซีฮอว์ก:
  • วายซีเอช-60เอส ไนท์ฮอว์ก (Knighthawk)
  • เอ็มเอช-60เอส ไนท์ฮอว์ก (Knighthawk)

รุ่นส่งออก

  • เอส-70บี ซีฮอว์ก ซิคอร์สกี้ที่ออกแบบมาโดยมีชื่อว่าซีฮอว์ก เป็นชื่อที่มักใช้เรียกรุ่นที่ส่งออก
    • เอส-70บี-1 ซีฮอว์ก รุ่นปราบเรือดำน้ำสำหรับกองทัพเรือสเปน ซีฮอว์กรุ่นนี้มีระบบแลมป์สติดตั้งอยู่ด้วย (Light Airbone Multipurpose System, LAMPS)
    • เอส-70บี-2 ซีฮอว์ก รุ่นปราบเรือดำน้ำสำหรับกองทัพเรือออสเตรเลีย คล้ายคลึงกับเอสเอช-บี ซีฮอว์กของสหรัฐ
    • เอส-70บี-3 ซีฮอว์ก รุ่นปราบเรือดำน้ำสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น มีอีกชื่อหนึ่งว่าเอสเอช-60เจ กองทัพเรือญี่ปุ่นได้ทำการสั่งซื้อทั้งสิ้น 101 ลำ โดยเริ่มทำการส่งมอบเมื่อปีพ.ศ. 2534
    • เอส-70บี-6 อีเจียนฮอว์ก เป็นรุ่นของกองทัพกรีกซึ่งเป็นการผสมของเอสเอช-60บีกับเอฟ มีพื้นฐานมาจากเอส-70ซี(เอ็ม)1/2 ของไต้หวัน
    • เอส-70บี-7 ซีฮอว์ก รุ่นส่งออกสำหรับกองทัพเรือไทย
    • เอส-70ซี(เอ็ม)-1/2 ธันเดอร์ฮอว์ก รุ่นส่งออกสำหรับกองทัพเรือสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)
    • เอส-70เอ (เอ็น) นาวัลฮอว์ก รุ่นทางทะเลที่เป็นการผสมของเอส-70เอ แบล็กฮอว์กและเอส-70บี ซีฮอว์ก

ประเทศผู้ใช้งาน

รายละเอียดของเอสเอช-60บี

  • ลูกเรือ 3-4 นาย
  • ความจุ ผู้โดยสาร 5 คนหรือขนย้ายด้วยสลิงในน้ำหนัก 6 พันปอนด์หรือบรรทุกน้ำหนักภายในได้ 4,100 ปอนด์สำหรับรุ่นบี เอฟ และเอช ส่วนรุ่นเอสบรรทุกผู้โดยสารได้ 11 คนหรือสลิงบรรทุกได้ 9 พันปอนด์
  • ความยาว 19.75 เมตร
  • เส้นผ่าศูนย์กลางใบพัด 16.35 เมตร
  • ความสูง 5.2 เมตร
  • พื้นที่ในการหมุน 210 ตารางเมตร
  • น้ำหนักเปล่า 6,895 กิโลกรัม
  • น้ำหนักบรรทุก 8,055 กิโลกรัม
  • น้ำหนักของจำเป็น 3,031 กิโลกรัม
  • น้ำหนักบินขึ้นสูงสุด 9,927 กิโลกรัม
  • ขุมกำลัง เครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์เจเนรัล อิเลคทริก ที700-จีอี-401ซี สองเครื่องยนต์ โดยให้กำลังเครื่องละ 1,890 แรงม้า
  • ความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ความเร็วประหยัด 146 นอท
  • พิสัย 834 กิโลเมตรที่ความเร็วประหยัด
  • เพดานบินทำการ 12,000 ฟุต
  • อัตราการไต่ระดับ 1,650 ฟุตต่อนาที
  • อาวุธ

42434445

ดูเพิ่ม

การพัฒนาที่เกี่ยวข้อง

อากาศยานที่เทียบเท่า

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

แหล่งที่มาดั้งเดิม: ${vars.title} แบ่งปันกับ ใบอนุญาต Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0

Footnotes

  1. Leoni 2007, pp. 203–4.

  2. Sikorsky S-70B Seahawk, Vectorsite.net, 1 July 2006.

  3. Eden, Paul. "Sikorsky H-60 Black Hawk/Seahawk", Encyclopedia of Modern Military Aircraft, p. 431. Amber Books, 2004. ISBN 1904687849.

  4. Leoni 2007, pp. 206–9.

  5. Mitsubishi (Sikorsky) SH-60J (Japan). Jane's, 17 April 2007.

  6. Mitsubishi SH-60K Upgrade, Jane's, 11 June 2008.

  7. Leoni 2007, p. 211.

  8. Donald 2004, pp. 158.

  9. Helicopter Sea Combat Wing, Pacific. GlobalSecurity.org

  10. Donald 2004, p. 158.

  11. Donald 2004, pp. 159-160.

  12. Donald 2004, pp. 160-161.

  13. Sikorsky SH-60 Seahawk helicopter, Fact File . Sikorsky. checked 2008-10-05

  14. "Korea – MH-60S Multi-Mission Helicopters" . US Defense Security Cooperation Agency, 22 July 2009.

  15. Donald 2004, pp. 161-162.

  16. Donald 2004, p. 161.

  17. "MH-60R Helicopter Departs Lockheed Martin To Complete First Operational Navy Squadron" , Lockheed Martin, July 30, 2008.

  18. DoD 4120-15L, Model Designation of Military Aerospace Vehicles. DoD, 2004.

  19. Leoni 2007, pp. 250-256.

  20. "Directory: World Air Forces". Flight International, 11-17 November 2008.

  21. Leoni 2007, pp. 274-277.

  22. Leoni 2007, pp. 303-304.

  23. Leoni 2007, pp. 292–98.

  24. Taiwan Air Power, ROCN S-70C(M)-1/2 page. Taiwanairpower.org, update April 12, 2008. Retrieved Sept. 15, 2009.

  25. Leoni 2007, pp. 304-305.

  26. Up to $246M for 6 Royal Thai Navy MH-60S Helicopters Defense Industry Daily

  27. Leoni 2007, pp. 306–13.

  28. S-70B Seahawk Technical Information, 2001.

  29. S-70B Seahawk Technical Information, 2008 . Sikorsky.com.

หมวดหมู่