การสันดาป คืออะไร
การสันดาป (Combustion Technology) หมายถึง
ปฏิกิริยาการรวมตัว
กันของเชื้อเพลิงกับออกซิเจนอย่างรวดเร็วพร้อมเกิดการลุกไหม้และคายความร้อน
ในการเผาไหม้ส่วนใหญ่จะไม่ใช้ออกซิเจนล้วนๆ แต่จะใช้อากาศแทนเนื่องจากอากาศมีออกซิเจนอยู่
21%โดยปริมาณ หรือ 23%โดยน้ำหนัก
เชื้อเพลิงชีวมวลประกอบด้วยธาตุต่างๆ ดังนี้ คือคาร์บอน(C) ออกซิเจน(O2) ไฮโดรเจน (H2)
และธาตุอื่นๆ ที่สำคัญได้แก่ ไนโตรเจน(N) และซัลเฟอร์(S)
เนื่องจากจะทำให้เกิดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์(NOX)และซัลเฟอร์ไดออกไซด์(SO2)
ซึ่งเป็นก๊าซที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเกิดการเผาไหม้ที่อุณหภูมิที่เหมาะสม
เมื่อนำเชื้อเพลิงชีวมวลมาเผาไหม้จะมีขั้นตอนการเกิดปฏิกิริยาดังนี้
2C + O2 2CO + 110,380 kj/kg-mol 2CO + O2 2CO2+ 283,180 kj/kg-mol 2H2 +
O2 2H2O+ 286,470 kj/kg-mol S + O2 SO2 + ความร้อน N + O2 NO2 + ความร้อน
ระบบการเผาไหม้เชื้อเพลิงแข็ง แบ่งออกได้ดังนี
ระบบการป้อน เชื้อเพลิงโดยใช้แรงงานคน
เป็นระบบที่มีใช้อยู่ดั้งเดิมโดยการใช้คนตักเชื้อเพลิงป้อนเข้าสู่เตา
ประสิทธิภาพของระบบจะขึ้นอยู่กับความชำนาญและความเอาใจใส่ของแรงงาน
- ระบบการป้อนเชื้อเพลิงแบบสโตกเกอร์ (Stoker)
เป็นระบบที่ใช้เครื่องจักรป้อนเชื้อเพลิงแทนแรงงานคนโดยมีกลไกที่ไม่ซับซ้อน มากนัก
มีราคาถูก และสามารถออกแบบให้ใช้ได้กับเชื้อเพลิงแข็งหลายๆชนิด หลายขนาด
แต่มีข้อเสียคือระบบสโตกเกอร์มีขีดความสามารถในการผลิตไอน้ำต่ำ
ระบบสโตกเกอร์แบ่งออกได้ตามลักษณะการป้อนเชื้อเพลิง คือ
ระบบสโตกเกอร์ที่มีการป้อนเชื้อเพลิงทางด้านบน (Overfeed Stoker)
ซึ่งเป็นแบบตะกรับเลื่อน (Traveling Grate Stoker) ดังแสดงในรูปที่ 2.1
และระบบสโตกเกอร์ที่มีการป้อนเชื้อเพลิงทางด้านล่าง (Underfeed Stoker)
ดังแสดงในรูปที่ 2.2
- ระบบพัลเวอร์ไรซ์ (Pulverized)
การเผาไหม้เชื้อเพลิงของระบบพัลเวอร์ไรซ์จะเกิดขึ้นในลักษณะเชื้อเพลิงที่ ถูกแขวนลอย
ดังนั้นขนาดของเชื้อเพลิงที่ถูกป้อนเข้าสู่เตาจะต้องมีขนาดเล็กสามารถแขวน
ลอยอยู่ได้ในอากาศ อากาศส่วนแรกที่ถูกป้อนเข้าสู่เตาจะถูกอุ่นก่อนเพื่อช่วยในการอบแห้งเชื้อ
เพลิง อากาศส่วนที่สองจะถูกส่งเข้าสู่เตาโดยตรงเพื่อช่วยทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ สมบูรณ์
ขี้เถ้าที่เกิดขึ้นจะถูกปล่อยออกมากับไอเสีย ดังแสดงในรูปที่ 2.3
- ระบบไซโคลน (Cyclone)
ระบบนี้ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของการเผาไหม้เชื้อเพลิงของระบบ พัลเวอร์ไรซ์
เชื้อเพลิงที่ถูกป้อนเข้าสู่เตาอาศัยแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกับระบบพัลเวอร์
ไรซ์แต่ไม่จำเป็นต้องบดเชื้อเพลิงให้มีขนาดเล็ก
สามารถลดค่าใช้จ่ายของการบดเชื้อเพลิงลงได้ การเผาไหม้ระบบไซโคลน (Cyclone)
จะใช้หัวเผาแบบ Horizontal water-cooled
ขนาดเล็กทำให้เตาเผาระบบไซโคลนมีขนาดเล็กกว่าเตาเผาระบบพัลเวอร์ไรซ์เมื่อ
คิดต่อหน่วยปริมาตร
อากาศที่เข้าสู่เตาจะอยู่ในแนวสัมผัสกับผนังของห้องเผาไหม้ซึ่งจะทำให้เชื้อ
เพลิงเคลื่อนที่แบบปั่นป่วน(Turbulence)
ในห้องเผาไหม้ทำให้การเผาไหม้เป็นไปอย่างทั่วถึงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
อุณหภูมิของการเผาไหม้จะสูงถึง 1650 oC ทำให้ 30-50
เปอร์เซนต์ของเถ้าหลอมเป็นขี้โลหะเหลว (Liquid Slag) ส่วนที่เหลืออีก 70-50
เปอร์เซนต์จะเป็นเถ้าลอยปนมากับก๊าซไอเสีย ดังแสดงในรูปที่ 2.4
- ระบบฟลูอิดไดซ์เบด (Fluidized Bed)
ระบบฟลูอิดไดซ์เบดนั้นอากาศจะไหลผ่านชั้นของเชื้อเพลิง
เมื่อเพิ่มอัตราความเร็วของอากาศถึงจุดหนึ่งเชื้อเพลิงจะลอยตัวขึ้นมีลักษณะ
คล้ายของไหลโดยจะมีสารเฉื่อย (Inert Material) เช่นทราย หรือสารทำปฏิกิริยา
(Reaction Material) เช่น หินปูนเป็นเบด
เมื่อเริ่มติดเตาเบดจะได้รับความร้อนจากภายนอกจนอุณหภูมิถึงจุดติดไฟของ เชื้อเพลิง
เชื้อเพลิงจะถูกป้อนเข้าสู่เตาอย่างสม่ำเสมอ
โดยมีเบดช่วยในการถ่ายเทความร้อนและทำความสะอาดภายในเตา ดังแสดงในรูปที่ 2.5
แหล่งที่มาดั้งเดิม: แบ่งปันกับ ใบอนุญาต Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0