การเกิดฝนกรด คืออะไร

ฝนกรดหรือฝนกรดโซลฟิวอร์จอยด์ (Acid rain) เป็นฝนที่มีความเป็นกรดสูงกว่าปกติ เมื่อฝนตกลงมายังพื้นผิวโลก เศษสารเคมีที่มีความเป็นกรดสูงจะละลายในฝน ทำให้น้ำฝนมีค่า pH ต่ำ น้อยกว่า 5.6 ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำกว่าค่าพื้นฐานของน้ำฝนที่มีความเป็นกรดอ่อนพอสมควร (pH ประมาณ 5.6-6.0) ซึ่งฝนกรดส่วนใหญ่เกิดจากการปล่อยสารเคมีเข้าสู่อากาศจากกิ่งก้านพืชหรือยางน้ำมัน การเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาไหม้ของควันที่หลุมลึกๆ และกิ่งก้านพืชทั่วไป

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝนกรดคือการปล่อยก๊าซที่มีขนาดเล็กเข้าสู่อากาศ เช่น กำลังไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม เตาไอน้ำ และยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันสูง เมื่อตกลงมายังพื้นผิวโลกฝนกรดจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต รวมถึงพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อมในทั่วโลก

ผลกระทบของฝนกรดมีหลายอย่าง เช่น

  1. ฝนกรดสามารถทำให้ดินเปรี้ยวขึ้น เมื่อเกิดสัมผัสกับดินฝนกรดจะละลายกับคุณสมบัติเคมีภายในดิน ทำให้ดินเป็นกรดและเพิ่มปริมาณโลหะหนักที่มีอยู่ในดินได้ เช่น อะลูมิเนียม ซึ่งสามารถกระทำให้เกิดปัญหาแตกต่าง เช่น พืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ รากของพืชถูกทำลาย การเจริญเติบโตของลำต้นและใบอ่อนไม้เสียได้

  2. ฝนกรดสามารถทำลายสิ่งที่มีโครงสร้างอ่อนแอ เช่น หลังคาหลังคาอะซ์โฟลต์หลังคาโครงไม้ของตึกเก่าๆ เป็นต้น

  3. ฝนกรดสามารถทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่มีการสัมผัสโดยตรง ซึ่งอาจทำลายโครงสร้างหรือประสิทธิภาพทางสุขภาพของสิ่งมีชีวิต

การป้องกันและลดปริมาณฝนกรดอาจได้รับการดูแลโดยการลดการปล่อยสารเคมีที่สร้างฝนกรด ดังนี้

  1. พยาบาลด้วยมาตรการป้องกันการปล่อยก๊าซเสียจากเสาไฟฟ้าของโรงงานอุตสาหกรรม โรงเรือนไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงที่เสีย
  2. การใช้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันต่ำสุดในยานพาหนะ การใช้ชุดกรองแก๊สเพื่อลดการปล่อยก๊าซเสียจากยานพาหนะ
  3. การใช้พืชพัฒนาการในการดักฝุ่นตะกอนและก๊าซเสียซึ่งปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมในการปรับปรุงคุณภาพอากาศรอบๆ
  4. การปรับตัวอุณหภูมิของเตาไอน้ำเพื่อลดปริมาณก๊าซเสียที่เกิดขึ้น
  5. การซ่อมแซมและบำรุงรักษาพื้นที่ที่กำลังผลิตการเผาสูงของควัน
  6. การใช้แรงทำงานทางธรณีวิทย์แทนพลังงานที่อุตสาหกรรมใช้ เช่น การใช้พลังงานที่ผลิตโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และน้ำ แทนการใช้น้ำมันหรือแก๊สอินทรีย์ที่มีกำมะถันสูง